หนึ่งในเกมประเภทที่เปิดมาแล้วอยู่ได้ยั่งยืนและยาวนานที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นเกมประเภท FPS หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า First – Person Shooting ในคำแปลภาษาไทยว่า “เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง” ซึ่งเนื้อหาหลักของเกมก็จะไม่มีอะไรมาก นอกจากการหยิบอาวุธขึ้นมาเพื่อยิงกำจัดศัตรูให้สิ้นซากนั่นเอง
แต่ถึงแม้ว่า เกม FPS ในปัจจุบันจะมีอยู่มากมายหลากรูปแบบหลายแพลตฟอร์ม แต่ก็ถือเป็นความท้าทายของแต่ละค่ายในการที่จะพยายามคิดค้นรูปแบบของเกมออกมาเพื่อดึงดูดและครองใจผู้เล่นให้ได้มากที่สุด
ทว่า ถึงจะผสมออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ แก่นแท้ก็คือการยิงอยู่ดี แล้วจะทำอย่างไรให้ยิงดีสู้คนอื่นได้บ้าง ? ลองพิจารณาไล่ไปทีละข้อกัน
1. เมาส์และแผ่นรองเมาส์ (Mouse and Mouse Pad)
จะทำให้ดีขึ้นได้ อย่างแรกต้องมาจากอุปกรณ์การเล่นพื้นฐานอย่าง เมาส์ (Mouse) เพราะถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการเล่นเกมแนว FPS เลยล่ะ การมีเมาส์ที่ดีและเข้ามือ จะทำให้เราสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำ หวังผลได้ และสั่งได้ดั่งใจ ซึ่งในปัจจุบัน มีการออกแบบเมาส์สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะหรือ “เกมมิ่งเมาส์ (Gaming Mouse)” กันอย่างหลากหลาย ทั้งรูปแบบเมาส์และขนาดเมาส์ เมาส์ที่ดีต้องจับแล้วกระชับถนัดมือ เข้ากับการใช้งานทั้งในผู้เล่นที่ถนัดซ้ายและถนัดขวา และมีขนาดที่พอเหมาะพอดีสำหรับการเล่นในระยะเวลานาน ๆ
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเมาส์ในเกม FPS คือ ระยะเวลาในการตอบสนองของเมาส์ (Response Time) เราคงไม่อยากหงุดหงิดอารมณ์เสียขึ้นมาในระหว่างเล่นเกมเพียงเพราะเมาส์ตอบสนองช้ากว่าการคลิกของเราแน่ ๆ (ประมาณว่าคลิกขวาจะซูม แล้วอีกสองวิ ฯ เกมค่อยซูมให้) ซึ่งเราจะต้องหาเมาส์ที่มีค่าการตอบสนองที่น้อยที่สุด ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะนั่นหมายความว่าเมาส์จะตอบสนองต่อการสั่งงานของเราไวขึ้นนั่นเอง
มาที่แผ่นรองเมาส์กันบ้าง มีเมาส์แล้วก็ต้องมีแผ่นรองเมาส์ แผ่นรองเมาส์ที่ดีจะต้องไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคกับการเล่นของเรา เช่น ลากเมาส์ไม่ไป ทำให้เมาส์สึกหรอไวกว่าปกติ เป็นต้น ซึ่งแผ่นรองเมาส์จะมีประเภทพื้นผิวหลัก ๆ สองแบบได้แก่ แบบเน้นความเร็ว (Speed) และ เน้นการควบคุม (Control)
2. ค่าความละเอียดของเมาส์ (Mouse Sensitivity)
ค่าความละเอียด (Sensitivity) อาจเป็นค่าที่ใครหลายคนเคยมองข้ามตอนเล่นเกมอื่น แต่สำหรับเกมที่เมาส์เป็นอาวุธอย่าง FPS แล้ว ค่า Sensitivity เป็นค่าที่สามารถปรับฝีมือของคนเล่นที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปได้อีกเลยล่ะ
Mouse Sensitivity มีผลต่อการเล็งยิงและรูปแบบการเล่นของเราโดยตรง ค่านี้มีหน่วยเป็น DPI โดยย่อมาจาก Dots Per Inch ซึ่งการที่มีค่านี้สูง ไม่ได้แปลว่ามันจะดีเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมที่การลากเมาส์ทุกครั้งส่งผลต่อความเป็นความตายในเกมได้เพียงเสี้ยววินาที
การเริ่มต้นปรับค่าความละเอียด อาจเริ่มต้นจาก 800 DPI ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่นิยมกันในการใช้งานทั่วไปก่อน แล้วไปลองกับเกมยิงยอดนิยมอย่าง CS:GO ดู ถ้าเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับค่านี้แล้ว ให้ลองหาค่าที่จะทำให้เราสามารถเล็งได้นิ่งขึ้นดูโดยการปรับให้ค่านี้น้อยลง เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ปัญหาที่ผู้เล่นเกม FPS มักเจอกันคือเมาส์ไม่นิ่ง ทำให้เป้ายิงไม่นิ่งและเกิดอาการกระสุนส่ายออกนอกเป้าหมาย แพ้ไฟท์ไปโดยปริยาย
3. หาเทคนิคในการเล่น (Find your own Technique)
การหาเทคนิคในการเล่น สามารถเป็นได้ทั้งการทำให้ตัวคุณเก่งขึ้น และการค้นพบเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเองในเวลาเล่นเกมประเภทนี้ไปด้วย ซึ่งเอกลักษณ์ที่ว่า สามารถเป็นได้ทั้งในแง่ที่ดีและแง่ที่ไม่ดี เหตุผลเพราะว่า รูปแบบการเล่นของแต่ละคน ถือเป็นอัตลักษณ์ภายในเกมที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากชีวิตจริง เช่น การเล่นปืนยิงระยะไกลอย่างปืนสไนเปอร์ ที่ไม่ได้จำกัดว่าคนเล่นปืนประเภทนี้จะต้องเป็นคนที่ใจเย็นซุ่มรอยิงเหยื่อเสมอไป เพราะมือสไนเปอร์บางคนเป็นสายเดินยิง ที่ไม่ได้ใช้การซูมรอเพื่อกำจัดเป้าหมาย แต่ใช้การวิ่งหาเป้าหมายแล้วควิกซูมสะบัดยิงเข้าหัวได้เลยก็มี
4. หมั่นฝึกฝนจนชำนาญ (Practicing)
การหมั่นฝึกฝนจนชำนาญ สามารถใช้ได้กับทุกเกม ไม่จำกัดแต่เพียงแค่เกมประเภท FPS เท่านั้น เพราะการฝึกฝน คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้เห็นผลได้มากที่สุดในบรรดาหัวข้อทั้งหมดที่กล่าวมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณคิดจะก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาอีสปอร์ต การสร้างวินัยในการฝึกฝนคือสิ่งที่ “ต้องมี”
บทสรุปวิธีเล่นเกม FPS ให้เก่งขึ้น !
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นเกม FPS ให้เก่งขึ้น คือการหาเทคนิคที่ใช่ให้กับตัวเอง และฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ ซึ่งเทคนิคบางอย่างคุณอาจเรียนรู้ได้ด้วยการสังเกตและรับชมจากคลิปการเล่นของคนอื่น ๆ แต่ในบางครั้ง คุณก็จำเป็นจะต้องอาศัยการเล่นและจดจำด้วยตนเองเป็นหลัก เช่น ถูกโฉลกกับปืนประเภทไหน ชอบเล่นแบบซุ่มยิงหรือเข้าปะทะ ฝึกฝนและลับปฏิกิริยาตอบสนอง (Reflex) อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น วิธีเล่นเกมส์แนะนำ>>> เปิดตัว Telenet Shooting Collection คืนชีพเกมยิงแหลกจากยุค Sega Genesis